1) การให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล
2) การให้คำปรึกษาแบบรายกลุ่ม
3) การให้คำปรึกษาแบบครอบครัว
1)
การให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล
การให้คำปรึกษารายบุคคล
จะช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงสาเหตุของความกังวลหรือความไม่สบายใจ
ซึ่งจะนำคุณไปสู่การแก้ไขได้
เป็นการช่วยให้คุณได้ย้อนกลับไปพิจารณาสิ่งที่คุณได้ทำ
เพื่อนำมาประเมินและหาทางรับมือกับปัญหาได้ดีกว่าเดิม
กระบวนการให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล
เมื่อคุณมาพบกับผู้ให้คำปรึกษาเป็นครั้งแรก
ผู้ให้คำปรึกษาจะรวบรวมข้อมูลของคุณในหลายๆ
ด้านเข้าด้วยกัน เช่น ลักษณะบุคลิกภาพ
เชาวน์ปัญญา ลักษณะอารมณ์ ลักษณะความสัมพันธ์
และอื่นๆ ซึ่งสามารถช่วยในการประเมินสถานการณ์ว่า
วิธีให้คำปรึกษาแบบใดที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณมากที่สุด
หลังจากนั้นผู้ให้คำปรึกษาจะนำข้อมูลที่ได้มากำหนดเป้าหมายในการให้คำปรึกษาร่วมกันระหว่างคุณกับผู้ให้คำปรึกษาเมื่อเริ่มขั้นตอนในการให้คำปรึกษา
ซึ่งอาจประกอบไปด้วยการเรียนรู้วิธีการหรือทักษะใหม่ๆ
ในการแก้ไขหรือการรับมือกับปัญหา
การเข้าใจตนเองมากขึ้น การสำรวจรูปแบบในการใช้ชีวิต
หรือแม้กระทั่งความรู้สึกนึกคิดของตนเอง
ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะสามารถตอบสนองต่อลักษณะของปัญหา
ความรุนแรงของปัญหา และเป้าหมายที่ได้วางร่วมกันไว้ตั้งแต่ต้นหรือที่ได้เพิ่มเติมขึ้นภายหลัง
ผู้ที่จะมาใช้บริการควรทำอย่างไรบ้าง
การมาใช้บริการให้คำปรึกษารายบุคคลสำคัญที่ว่า
ผู้ที่มาใช้บริการคาดหวังอะไรจากการให้คำปรึกษา
ดังนั้น ผู้มารับคำปรึกษาอาจจดบันทึกเหตุการณ์และความสัมพันธ์ต่างๆ
ความรู้สึกที่เกิดขึ้น และนำเรื่องราวเหล่านี้มาใช้ในการบริการแต่ละครั้งว่าตนเองต้องการอะไร
ซึ่งเป็นประโยชน์ในการมาใช้บริการของคุณได้มากยิ่งขึ้น
เนื่องจากกระบวนการให้คำปรึกษานี้เป็นกระบวนการของคุณเอง
ส่วนในกรณีที่คุณเกิดความกังวลใจหรือความรู้สึกบางอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกในแง่บวกหรือลบก็ตาม
ซึ่งอาจเกิดขึ้นขณะที่ให้คำปรึกษาอยู่
คุณสามารถที่จะบอกให้กับผู้ให้คำปรึกษาทราบได้
เพื่อจะช่วยให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
สามารถช่วยเหลือคุณได้ทันเวลา
และตรงตามเป้าหมายที่คุณต้องการ
2)
การให้คำปรึกษาแบบกลุ่ม
การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มและจิตบำบัดแบบกลุ่มทำได้ในหลายประเด็นด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับความเครียด
การพัฒนาความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง
การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
การรับประทานที่ผิดปกติ การให้คำปรึกษาที่เกี่ยวกับอาชีพ
เป็นต้น
การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มต่างจากแบบรายบุคคลอย่างไร
การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มช่วยคุณได้มุมมองหลายด้านด้วยกัน
เนื่องจากการให้คำปรึกษาแบบกลุ่มนั้น
คุณจะไม่เพียงแต่ได้จัดการกับปัญหาของคุณเอง
แต่คุณจะรับรู้ว่ามีผู้อื่นที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับคุณด้วย
คุณจะมีโอกาสเข้าใจความคิด ความรู้สึกของตนเองมากขึ้น
ผ่านการตอบสนองอย่างจริงใจ และตรงไปตรงมาจากสมาชิกในกลุ่ม
รวมถึงรู้จักเคารพในความแตกต่างระหว่างบุคคล
เช่นเดียวกับที่คุณได้เรียนรู้การเคารพตนเองและมีความมั่นใจในตัวเอง
ในแต่ละขั้นตอนคุณจะได้รับการตอบสนองจากสมาชิกในกลุ่มรวมถึงผู้นำกลุ่มได้ทันที
การเปิดเผยข้อมูลหรือความรู้สึกตนเอง
การให้เกียรติให้ความเคารพต่อกันและกัน
คุณจะสามารถเรียนรู้ได้ว่าคนอื่นมองคุณแบบไหน
ทำให้เข้าใจในความคิด ความรู้สึกของตนเองมากยิ่งขึ้น
และมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองในเรื่องต่างๆที่คุณต้องการ
ยิ่งถ้าคุณได้เล็งเห็นว่าคุณตอบสนองต่อความรู้สึกหรือจากประสบการณ์ของผู้อื่นแบบใดจะยิ่งช่วยให้คุณเข้าใจตนเองมากยิ่งขึ้น
การให้คำปรึกษาแบบกลุ่มเปิดโอกาสให้คุณได้แสดงความรู้สึกที่คุณกำลังลังเลใจอยู่ว่าจะแสดงออกมาดีหรือไม่
ได้มีโอกาสยืนยันกับตัวคุณเองว่าได้ทำการเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่
และได้ทดลองทำตามความคิดใหม่ๆที่ได้จากการทำกลุ่ม
ในขณะเดียวกันคุณจะได้สัมผัสกับความไว้วางใจและความปลอดภัยจากในกลุ่ม
คุณจะมีความรู้สึกสบายใจขึ้น
และยอมที่จะเปิดเผยเรื่องราวความรู้สึกที่ได้เกิดขึ้นมากมาย
เพียงแต่คุณต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่าคุณอยากจะมีส่วนร่วมภายในกลุ่มมากน้อยเพียงใด
การพูดคุยภายในกลุ่ม
การเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัว การรับฟังในสิ่งที่สมาชิกคนอื่นพูด
การถามคำถามเมื่อเกิดความไม่เข้าใจ
การได้รับแรงสนับสนุน การได้รับการปลอบใจและความเห็นใจจากคนรอบข้าง
หลายสิ่งหลายอย่างพร้อมที่จะเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจกับคุณ
อย่างไรก็ดีก่อนที่สมาชิกในกลุ่มจะเริ่มพัฒนาความไว้วางใจจนยอมที่จะเปิดใจ
เปิดเผยความรู้สึกต่างๆ พวกเขาต้องใช้เวลาทำกลุ่มอยู่หลายครั้ง
ดังนั้นสมาชิกในกลุ่มจึงต้องใช้เวลาภายในกลุ่มเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ในกลุ่มด้วย
ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมการให้คำปรึกษาแบบกลุ่มควรทำอย่างไร
ก่อนเข้ากลุ่มแต่ละครั้ง
ให้คุณคิดถึงสิ่งที่คุณได้คาดหวังจากการเข้ากลุ่มครั้งนี้ให้ชัดเจน
และในบางครั้งที่เป้าหมายของคุณอาจจะเปลี่ยนไปเมื่อคุณได้ผ่านขั้นตอนแต่ละขั้นในการทำกลุ่ม
ตราบใดที่คุณยังเข้าใจถึงความคิดความรู้สึกของตนเอง
และรับฟังสมาชิกคนอื่นภายในกลุ่ม
คุณจะพบว่ามีปัญหาอื่นๆ ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาที่สำคัญกว่าปัญหาเดิมที่คุณมีอยู่แล้วด้วย
หากพบว่าตัวเองไม่ได้รับสิ่งที่คุณต้องการจากกลุ่ม
คุณสามารถที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับสมาชิกในกลุ่มได้
3)
การให้คำปรึกษาแบบครอบครัว
การให้คำปรึกษาในลักษณะครอบครัวจะสามารถแยกออกเป็น
2 ลักษณะ คือ
1. การให้คำปรึกษากับผู้ที่คิดจะเริ่มต้นสร้างครอบครัว
การเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่
หากเราไม่ศึกษากันให้ดีแล้ว ความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันมักจะตามมา
พร้อมด้วยปัญหาต่างๆ นานาซึ่งจะก่อให้เกิดการหย่าร้างในภายหน้าได้
แต่หากเราได้เรียนรู้ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น
และพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ
ชีวิตก็จะพลอยมีความสุขด้วย
การให้คำปรึกษาเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน
หรือเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสร้างครอบครัวใหม่นี้เป็นการให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
6 ครั้ง เพื่อเตรียมตัวในการเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน
โดยคู่สมรสจะเรียนรู้ร่วมกันในประเด็นต่างๆ
เช่น การวางแผนชีวิตคู่ เป้าหมายร่วมกันในอนาคต
การสื่อสารกันอย่างเข้าใจ การปรับตัวเข้าหากัน
การแก้ไขความขัดแย้ง เรียนรู้ความคาดหวังของกันและกัน
การปรับบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน
และการรักษาชีวิตคู่ให้หวานชื่นและยาวนาน
เป็นต้น
ดังนั้นการให้คำปรึกษาก่อนเริ่มสร้างครอบครัวใหม่
จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อชีวิตสมรสของคุณ
ที่จะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข
และความอบอุ่นตลอดไป
2. การให้คำปรึกษากับผู้ที่มีครอบครัวแล้ว
สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวมีชีวิตที่ดี
มีความรักความเข้าใจกัน มีความอบอุ่นและห่วงหาอาทรกัน
ครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวสามารถเผชิญและดำเนินชีวิตในสังคมนี้ได้อย่างดี
หากครอบครัวมีปัญหาไม่เข้าใจกัน
ปัญหาต่างๆ ก็จะตามมา และลุกลามไปเป็นปัญหาในสังคมของคนส่วนใหญ่ได้
การให้คำปรึกษารูปแบบนี้
สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ทั้งครอบครัว
เพื่อจัดการกับปัญหาต่างๆ เช่น
ลูกติดเกม การสื่อสารกับลูกที่เป็นวัยรุ่น
การแก้ไขความขัดแย้ง เพศสัมพันธ์กับคู่สมรส
การจัดการกับอดีตที่ขมขื่น การจัดการกับความทุกข์
การจัดการกับความซึมเศร้า การปรับตัวเมื่อเข้าสู่วัยทอง
การสร้างสัมพันธ์ในครอบครัว และการพัฒนาความรักให้ยืนยาว
เป็นต้น